หลายๆคนอาจยังไม่รู้จักว่า พื้นไม้ลามิเนต หรือ Laminate Flooring คืออะไร ดีอย่างไร ผลิตจากอะไร DoubleFloor จะมาไขความข้องใจให้กับท่าน ในบทความนี้กันนะครับ
พื้นไม้ลามิเนต คืออะไร
คำว่า Laminate ในภาษาอังกฤษ หมายถึง สิ่งที่เป็นชั้นๆ การเป็นชั้นๆ ชิ้นบางๆ หรือ แผ่นบางๆ เราจึงนำคำนี้มาเรียก พื้นไม้ลามิเนต หรือ Laminate Flooring ก็เนื่องมาจาก พื้นไม้ลามิเนต ผลิตจากรรมวิธีการบีบอัดไม้จากป่าปลูกด้วยความแรงสูง (ส่งผลให้ตัวไม้มีความคงทนค่อนข้างสูง) โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย และนำมารวมเข้าด้วยกันกับชั้นอื่นๆ โดยการบีบอัดด้วยความแรงสูง ร่วมกับความร้อน โดย ชั้นต่างๆของพื้นไม้ลามิเนต มีดังนี้
1. Protective Layer หรือ Wear Layer หรือ ชั้นบนสุดของพื้นไม้ลามิเนต มีหน้าที่ป้องกันการกระแทก และ การขีดข่วนจากการใช้งาน ชั้นบนสุดของพื้นไม้ลามิเนตนี้ จะเป็นผิวสัมผัส ที่ถูกออกแบบให้ป้องกันการขีดข่วนได้เป็นอย่างดี เช่นนี้เองทำให้พื้นไม้ลามิเนต มีคุณสมบัติความคงทนของผิวหน้าที่เหนือกว่าพื้นไม้ชนิดอื่นๆ ทั้งนี้ในการผลิตชั้น Protective ของพื้นไม้ลามิเนตนั้น จะต้องมีมาตรฐาน European Standard รองรับ และ มาตรฐานนั้นก็คือ ค่าความคงทนของผิวหน้าของพื้นไม้ลามิเนต หรือ Abrasion Resistance Class ซึ่งมาตรฐานดังกล่าวนี้ได้แบ่งความคงทนของผิวหน้าพื้นไม้ลามิเนตออกเป็น 5 ชั้นด้วยกันตั้งแต่ ชั้นที่ 1 (AC1) ถึง ชั้นที่ 5 (AC5)
โดยชั้นที่ 1 (AC 1) สามารถทนรอยขีดข่วนได้มากถึง 900 รอบ
โดยชั้นที่ 2 (AC 2) สามารถทนรอยขีดข่วนได้มากถึง 1,500 รอบ
โดยชั้นที่ 3 (AC 3) สามารถทนรอยขีดข่วนได้มากถึง 2,000 รอบ
โดยชั้นที่ 4 (AC 4) สามารถทนรอยขีดข่วนได้มากถึง 4,000 รอบ
โดยชั้นที่ 5 (AC 5) สามารถทนรอยขีดข่วนได้มากถึง 6,000 รอบ
ค่าความคงทนของผิวหน้าพื้นไม้ลามิเนต ยิ่งมาก ก็หมายถึง พื้นไม้ลามิเนต สามารถทนต่อการขีดข่วนได้ดีมากเท่านั้น ดังนั้น AC5 จึงเป็นค่าที่ลูกค้าใฝ่ฝันมากกว่า AC1
แต่อย่างไรก็ตามในความเป็นจริงแล้ว พื้นไม้ลามิเนต ที่ติดตั้งในบ้าน หรือ ที่อยู่อาศัย จะใช้งานไม่หนักเท่ากับ พื้นไม้ลามิเนตที่ติดตั้งในสำนักงาน หน่วยงานราชการ โรงพยาบาล หรือ โรงงานอุตสาหกรรม ดังนั้น ในมาตรฐาน European Standard จึงได้ระบุถึงความเหมาะสมของค่าความคงทนของผิวหน้าพื้นไม้ลามิเนต ในแต่ละ Class ว่า Class ต่างๆนี้เหมาะสมกับการติดตั้งในงานลักษณะใดอย่างชัดเจน ดังนี้
พื้นไม้ลามิเนต ที่มี Protective Layer อยู่ระดับ AC 1 เหมาะกับการใช้งานแบบ ปานกลาง (Moderate Traffic)
สำหรับติดตั้งพื้นบ้าน ห้องนอน เป็นต้น
พื้นไม้ลามิเนต ที่มี Protective Layer อยู่ระดับ AC 2 เหมาะกับการใช้งานแบบ ทั้วไป (General Traffic)
สำหรับ ติดตั้ง พื้นห้องครัว ห้องนั่งเล่น ห้องรับแขก เป็นต้น
พื้นไม้ลามิเนต ที่มี Protective Layer อยู่ระดับ AC 3 เหมาะกับการใช้งานแบบค่อนข้างหนัก (Moderate to Heavy Traffic)
สำหรับติดตั้ง พื้นห้องในโรงแรม อพาตเม้นต์ ห้องทำงานเล็กๆ เป็นต้น
พื้นไม้ลามิเนต ที่มี Protective Layer อยู่ระดับ AC 4 เหมาะกับการใช้งานหนัก (General Commercial Traffice)
สำหรับติดตั้ง พื้นร้านอาหาร ร้านกาแฟ หรือในอาคารสำนักงาน เป็นต้น
พื้นไม้ลามิเนต ที่มี Protective Layer อยู่ระดับ AC 5 เหมาะกับการใช้งานในหนักมาก (Heavy Commercial Traffice)
สำหรับติดตั้ง พื้นอาคารสำนักงานใหญ่ๆ ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น
โดยพื้นไม้พื้นลามิเนต ของบริษัท ดับเบิลฟลอร์ จำกัด ได้รับการทดสอบ และยืนยัน จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (เลขที่รายงาน ศธ 0513.10604/087.1-2) ว่าสามารถทนต่อการขีดข่วนได้มากถึง 9,400 รอบ ซึ่งจัดอยู่ในระดับ AC 5 ซึ่งเป็นระดับความคงทนที่สูงที่สุดในมาตรฐานของยุโรป European Standard ซึ่งเป็นมาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับในระดับโลก
โดยแน่นอนว่า ไม้ลามิเนต ที่มีความคงทนของผิวหน้าต่ำ หรือ ค่า AC ต่ำ เป็นไม้ที่มีราคาถูกกว่าไม้ที่มีค่า AC สูง นี่เป็นเหตุผลนึ่ง ที่อธิบายถึงราคาพื้นไม้ลามิเนตที่ต่างกันในตลาดบ้านเรา
2.ชั้นถัดมาของพื้นไม้ลามิเนตคือ ชั้นของลายไม้ (Pattern Layer) โดยชั้นนี้จะถูกออกแบบโดยระบบคอมพิวเตอร์ให้มีลวดลายเหมือนไม้จริง เราจึงเห็นลวดลายของพื้นไม้ลามิเนตมากมาย และ มีสีต่างๆกัน โดยมักจะถูกออกแบบเลียนแบบลายไม้จริง เช่น ลายไม้โอ้ค ลายไม้เมเปิ้ล ลายไม้สัก และ มีการย้อมสีต่างๆกันไป จากสีขาว ไปกระทั้งสีดำ ลายไม้ ซึ่งชั้นลายไม้นี้จะนำมาปิดทับชั้นไม้ HDF ในชั้นถัดไป
3. ชั้นถัดมาของพื้นไม้ลามิเนต คือ ชั้นตรงกลาง (SUbstrate Layer) ซึ่งเป็นชั้นที่มีความหนาที่สุด ผลิตโดยการนำไม้เนื้อแข็งมาย่อยให้ละเอียด และ นำไปผสมกับสารอื่นๆ อันได้แก่สารป้องกันความชื้น และ สารป้องกันการกัดกินจากปลวกและแมลง จากนั้นจึงทำให้ออกมาเป็นแผ่น โดยกรรมวิธีทางวิทยาศาสตร์ โดยเราเรียกวิธีนี้ว่า HDF (High Density Fiberboard) ซึ่งจะได้ไม้ที่ดูคล้ายไม้ธรรมชาติแต่มีความแข็งแรงและยืดหดตัวน้อยกว่าไม้จริงอยู่หลายเท่า
4. ส่วน ชั้นล่างสุดของพื้นไม้ลามิเนต (Backing Layer) จะเป็นแผ่นป้องกันความชื้น ทำให้มีคุณสมบัติป้องกันความชื้นและป้องกันปลวกได้เป็นอย่างดี จึงทำให้พื้นไม้ลามิเนต มีความคงทน แข็งแรงมากกว่าพื้นไม้ทั่วไป
พื้นไม้ลามิเนต ที่มีอยู่ในตลาดมีอยู่หลายความหนาด้วยกัน แต่ที่เป็นที่นิยมใช้กัน และ มีวางจำหน่ายในประเทศไทย จะมีความหนา 8 มิลลิเมตร และ 12 มิลลิเมตร
โดยการเลือกใช้วัสดุที่มีความหนา 8 หรือ 12 มิลลิเมตร นั้น ขึ้นอยู่กับว่าพื้นที่ที่ติดตั้งนั้น เรียบดีหรือไม่ หากพื้นที่ไม่เรียบได้ระดับ การใช้พื้นไม้ลามิเนตแบบ 12 มิลลิเมตร จะช่วยลดความยวบยาบที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากพื้นไม่ได้ระดับ ได้
ข้อดี-ข้อเสียของพื้นไม้ลามิเนต
ข้อดีของพื้นไม้ลามิเนต
1. ระบบการติดตั้งพื้นไม้ลามิเนตเป็นแบบคลิกล็อค ทำให้รอยต่อระหว่างแผ่นไม้แนบสนิททุกแผ่น
2. พื้นไม้ลามิเนต ติดตั้งง่าย และ รวดเร็ว ด้วยระบบ คลิกล็อค
3. สามารถติดตั้งทับพื้นกระเบื้อง หรือ กระเบื้องยางเดิมได้เลย
4. น้ำหนักเบา
5. ผิวหน้าทนทานต่อรอยขูดขีด
6. พื้นไม้ลามิเนต ทนต่อขี้เถ้าบุหรี่ และ ความร้อน เนื่องจากผิวหน้าเคลือบด้วย wear layer ที่มีความทนทานสูง
7. ทนต่อแรงกกดทับได้ดี
8. ผิวหน้าพื้นไม้ลามิเนต ทนต่อแสงแดด สารเคมี และไม่ติดไฟ
9. ไม่เกิดไฟฟ้าสถิต
10. ไม่เกิดเชื้อรา แบคทีเรีย ไม่เก็บฝุ่น และ เชื้อโรค
11. การดูแลรักษาพื้นไม้ลามิเนต ง่าย เพียงใช้ไม้กวาด หรือ เครื่องดูดฝุ่น และ ถูด้วยไม้ถูพื้นบิดหมาด
12. ผิวหน้าไม่ลื่น
13. ไม่เย็นเท้า
14. สามารถใช้งานได้ทันที หลังจากติดตั้งพื้นไม้ลามิเนต เรียบร้อยแล้ว
ข้อเสียของพื้นไม้ลามิเนต
1. วัสดุพื้นไม้ลามิเนต ผลิตจากไม้จริง เป็นไม้ indoor ไม่เหมาะกับการติดตั้งภายนอกอาคาร
2. พื้นที่ที่จะติดต้ัง จะต้องเรียบได้ระดับ คือ ไม่เป็นแอ่งกระทะ หรือ นูน มิฉะนั้นเวลาติดตั้งไปแล้ว อาจเกิดเสียงเวลาเดิน
3. ไม่สามารถขัดผิวหน้าออก เพื่อทำสีใหม่ได้
พื้นไม้ลามิเนต (และบริการ) ของดับเบิลฟลอร์
• ร่องลิ้นของพื้นไม้ลามิเนต ของดับเบิลฟลอร์ เคลือบด้วยแว็กซ์ เป็นการป้องกันน้ำซึมเข้าเนื้อไม้ ทำให้ตัวไม้ มีความทนทานต่อน้ำ และ ความชื้นมากยิ่งขึ้น
• ปลอดภัยต่อผู้อยู่อาศัย และ สัตว์เลี้ยง
• ดับเบิลฟลอร์ มีพื้นไม้ลามิเนต หลากหลายลวดลาย และ สีสรร ให้เลือก ซึ่งมีลวดลายเหมือนไม้จริง ให้ความหรูหรา
• รับประกันคุณภาพนาน 15 ปี
• มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญการติดตั้ง เป็นผู้ติดตั้ง และ ให้คำปรึกษา
ในปัจจุบันไม้ลามิเนต เป็นที่นิยมอย่างมาก ในทุกๆภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นอาคาร สำนักงาน ห้างสรรพสินค้า โรงแรม ตลอดจนร้านค้า รวมถึงบ้านพักอาศัย เนื่องจากพื้นไม้ลามิเนตมีความแข็งแรงทนทาน สวยงามและ ราคาถูกว่าพื้นไม้จริง ดังนั้นสำหรับผู้ที่กำลังมองหาวัสดุทำพื้น ที่เป็นพื้นไม้ … ลามิเนต จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีมากครับ
บทความนี้เขียนโดย บริษัท ดับเบิลฟลอร์ จำกัด
เครดิตภาพจาก : อินเตอร์เนต